หากคุณต้องการสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce ยินดีด้วย! คุณมาถูกทางแล้ว
WooCommerce มีผู้ใช้งานมากกว่า 28% ของร้านค้าออนไลน์ทั้งหมด เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน
หากคุณสงสัยว่าจะสร้างร้านค้า WooCommerce ได้อย่างไร เราพร้อมให้ความช่วยเหลือ ในบทความนี้ เราจะแสดงวิธีเริ่มต้นร้านค้าออนไลน์โดยใช้ WooCommerce ใน 5 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าโดเมนและโฮสติ้งสำหรับร้านค้าของคุณ
ในการสร้างร้านค้า WooCommerce คุณต้องมี 2 สิ่ง: ชื่อโดเมนและบัญชีเว็บโฮสติ้ง
ชื่อโดเมนคือที่อยู่เว็บไซต์ของคุณบนอินเทอร์เน็ตซึ่งผู้คนสามารถเข้าถึงไซต์ของคุณได้ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตพิมพ์ลงในเว็บเบราว์เซอร์เพื่อเข้าชมไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่น lianlianpay.co.th เป็นชื่อโดเมนของเว็บไซต์นี้
เว็บโฮสติ้งเป็นพื้นที่เก็บข้อมูลของไซต์ของคุณบนอินเทอร์เน็ตซึ่งจัดเก็บไฟล์และทรัพยากรของเว็บไซต์ของคุณ หากคุณคิดว่าชื่อโดเมนเป็นที่อยู่ของไซต์ของคุณ เว็บโฮสติ้งก็คือบ้านที่นำไปสู่ที่อยู่นั้น
เมื่อผู้ใช้ป้อนชื่อโดเมนของไซต์ของคุณลงในเว็บเบราว์เซอร์เพื่อเข้าถึงไซต์ของคุณ เซิร์ฟเวอร์โฮสติ้งจะส่งไฟล์ของไซต์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและทำให้ไซต์ของคุณพร้อมให้ผู้คนเข้าชมทางออนไลน์
คุณสามารถเลือกซื้อเว็บโฮสติ้งพร้อมโดเมน ผ่าน godaddy หรือเว็บผู้ให้บริการอื่นๆได้
ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่า WooCommerce
คุณสามารถตั้งค่า WooCommerce ให้เสร็จสมบูรณ์ได้อย่างง่ายดาย เพียงคลิกเรียกใช้ตัวช่วยสร้างการตั้งค่าเพื่อเริ่มต้นจากนั้น คุณจะเห็นเฟรมเวิร์กการกำหนดค่า WooCommerce แบบหลายขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือการตั้งค่า Store ซึ่งคุณจะต้องเพิ่มตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้า สกุลเงินที่คุณต้องการใช้ และอื่นๆ
ขั้นตอนที่สอง คือการชำระเงิน ซึ่งคุณสามารถติดตั้งปลั๊กอินของ LianLian Pay เพื่อรับการชำระเงินได้ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Credit/Debit card, QR Code, Promptpay, E-wallet ของประเทศไทย และช่องทางรับชำระเงินอื่นๆมากมาย
ขั้นตอนที่สาม ให้คุณตั้งค่าการจัดส่ง หากคุณขายสินค้าที่จับต้องได้บนร้านค้า WooCommerce ของคุณ คุณสามารถตั้งค่าประเทศการจัดส่ง วิธีการจัดส่ง ค่าธรรมเนียม และอื่นๆ
ขั้นตอนที่สี่ เปิดใช้งาน ซึ่งระบบจะขอให้คุณดำเนินการต่อกับ Jetpack (Jetpack เป็นฟีเจอร์แบบ All-In-One ที่รวมทุกฟีเจอร์เจ๋งๆ หลายตัวเข้าด้วยกัน)
ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มผลิตภัณฑ์ไปยังร้านค้า WooCommerce ของคุณ
เมื่อคุณเสร็จสิ้นขั้นตอนการตั้งค่า WooCommerce แล้ว คุณก็พร้อมที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ในร้านค้า WordPress ของคุณ
ไปที่ ผลิตภัณฑ์ » เพิ่มใหม่ จากแดชบอร์ดของคุณ
ขั้นแรก ป้อนชื่อผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการเพิ่ม จากนั้นระบุรายละเอียดสินค้าในพื้นที่โพสต์ หลังจากนั้นให้เลื่อนลงไปที่ช่อง Product data คุณสามารถเพิ่มราคาปกติและราคาลด ตั้งค่าสินค้าคงคลัง การจัดส่ง สินค้าที่เชื่อมโยง ฯลฯ จากนั้น เลื่อนลงมาเล็กน้อยและเพิ่มคำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณ หากคุณเพิ่มคำอธิบายผลิตภัณฑ์ ลูกค้าของคุณจะเห็นคำอธิบายนี้เมื่อดูผลิตภัณฑ์หลายรายการในหน้าเดียวกัน และไปที่คอลัมน์ด้านขวาเพื่อตั้งค่าหมวดหมู่ แท็ก และรูปภาพสินค้าคุณยังสามารถเพิ่มรูปภาพหลายรูปสำหรับผลิตภัณฑ์จากตัวเลือกแกลเลอรีผลิตภัณฑ์ เมื่อคุณตั้งค่าตัวเลือกทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเผยแพร่ผลิตภัณฑ์แรกของคุณได้ ตอนนี้คุณสามารถเพิ่มสินค้าในร้านค้าของคุณได้โดยทำขั้นตอนเดิมซ้ำ
ขั้นตอนที่ 4: ปรับแต่งธีมของคุณและติดตั้งปลั๊กอินที่จำเป็น
คุณยังสามารถเปลี่ยนธีมและใช้ธีม WooCommerce ใหม่เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ของไซต์ของคุณได้นอกจากนี้ คุณสามารถติดตั้งปลั๊กอิน WordPress เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของร้านค้า WooCommerce ของคุณนี่คือปลั๊กอินที่จำเป็นบางส่วนที่เราแนะนำ:
All in One SEO – เพิ่มทราฟฟิกและปรับปรุงอันดับการค้นหาเว็บไซต์โดยปรับแต่งไซต์ของคุณสำหรับ SEO ทีละขั้นตอน
WPForms – สร้างแบบฟอร์มการติดต่อ แบบฟอร์มการสั่งซื้อ แบบฟอร์มลงทะเบียน และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
SeedProd – สร้างหน้า Landing Page เพื่อสร้างโอกาสในการขายและปรับแต่งหน้าชำระเงิน WooCommerce เพื่อเพิ่มการแปลง
OptinMonster – แสดงแคมเปญป๊อปอัปที่สวยงามเพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิกและยอดขาย
TrustPulse – แสดงการแจ้งเตือนกิจกรรมตามเวลาจริงบนไซต์ของคุณเพื่อเพิ่มหลักฐานทางสังคมและการขาย
W3 Total Cache – เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และลดเวลาในการโหลดเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น
ขั้นตอนที่ 5: ติดตามยอดขายอีคอมเมิร์ซของคุณและรับข้อมูลเชิงลึก
คุณสามารถติดตามยอดขายของคุณได้ผ่าน Dashboard LianLian Pay ภายใน Dashboard คุณจะเห็นรายได้จากการชำระเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ และยังสามารถดาวน์โหลดรายงานเพื่อทำบัญชีได้อีกด้วย
เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีสร้างร้านค้า WooCommerce ได้อย่างง่ายดาย
