สรุปเทรนด์ E-Commerce 2025 มาแรง! ธุรกิจปรับตัวช้าอาจไม่รอด

จากข้อมูลของ Statista คาดว่าตลาด E-Commerce ทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2027 โดยในปี 2025 ตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจออนไลน์จึงต้องเร่งปรับตัวเพื่อสามารถแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างดุเดือด วันนี้หลียนเหลียนจะพามาสำรวจแนวโน้มสำคัญที่ควรจับตามอง และเรียนรู้แนวทางเพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุค E-Commerce ในอนาคต
3C Commerce เทรนด์กลยุทธ์สร้างความยั่งยืน
แนวคิด 3C Commerce ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ Content Commerce และ Community
Content การสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น รีวิวสินค้า บทความ หรือวิดีโอ เพื่อสร้างความไว้วางใจและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า
Commerce การจัดการระบบการซื้อขายที่ราบรื่น ตั้งแต่การแสดงสินค้า การชำระเงิน ไปจนถึงการจัดส่ง
Community การสร้างชุมชนของลูกค้าที่มีความสนใจร่วมกัน เช่น การใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อเชื่อมโยงแบรนด์กับลูกค้า
ในปี2025 การสร้าง3C จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเชื่อมโยงเนื้อหาที่ดึงดูดลูกค้า การซื้อขาย และการสร้างชุมชนที่มีความสนใจร่วมกัน ดังนั้นการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า การชำระเงินที่สะดวกสบาย และการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ไม่เพียงธุรกิจที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถครองใจลูกค้าได้มากขึ้น
Social Commerce ใช้โซเชียลให้เป็นโอกาสในการขาย
Social Commerce ยังคงเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 และมีบทบาทอย่างมากในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok Instagram และ Facebook ได้กลายเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างยอดขายของธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สด การรีวิวสินค้า และการโฆษณาผ่าน Influencer จะช่วยดึงดูดลูกค้าและสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ นอกจากนี้ การเพิ่มปุ่มสั่งซื้อโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
เตรียมรับมือกับเทรนด์การชำระเงินที่เปลี่ยนแปลง
ปัจจุบัน นอกจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดแล้ว ระบบชำระเงินก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา การใช้ Digital Wallet และ Contactless Payment กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในปี 2025 เนื่องจากความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งการชำระเงินผ่าน QR Code พร้อมเพย์ Shopee Pay Line Pay TrueMoney หรือแม้แต่การรองรับ E-Wallet ต่างประเทศอย่าง WeChat Pay (วีแชทเพย์) และ Alipay (อาลีเพย์) ซึ่งตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น การเลือกใช้ระบบชำระเงินครบวงจร อย่างเช่น LianLian Pay ที่สามารถรองรับทุกช่องทางการชำระเงิน ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มความสะดวกและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ที่สำคัญช่วยลดต้นทุนค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นอีกด้วย
เจาะกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุดด้วย AI Personalization
ผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัว การใช้ AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำสินค้าแบบเฉพาะบุคคล การวิเคราะห์แนวโน้มการซื้อ หรือการส่งโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้า การใช้เทคโนโลยี AI ในด้านนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมาก
Cross Border E-commerce เปิดตลาดสู่สากล ไร้พรมแดน
การขยายตลาดไปยังต่างประเทศเป็นหนึ่งในโอกาสที่สำคัญในปีนี้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมสูง เช่น ผลไม้อบแห้ง สมุนไพร ของใช้ที่เป็นสินค้าไทย ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Amazon, Etsy เพื่อขายสินค้าไปยังตลาดสากล อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการบางกลุ่มยังคงติดปัญหาเรื่องรับเงินจากบนแพตลฟอร์ม เพราะไม่สามารถรับเงินได้หากไม่มีบัญชีของประเทศนั้นๆ แน่นอนว่าการเลือกใช้บริการรับเงินข้ามพรมแดนเป็นสิ่งสำคัญ บริการ Cross Border Collection ของ LianLian Pay เป็นตัวกลางที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถรับชำระเงินในต่างประเทศได้อย่างราบรื่น โดยสามารถใช้ บัญชีเสมือน (Virtual Bank Account) ที่รองรับหลากหลายสกุลเงิน และมีอัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการโอนผ่านธนาคารแบบดั้งเดิม ช่วยลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจไร้พรมแดน
Owned Channel สร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง ลดต้นทุน เพิ่มกำไร
การที่หลายแพลตฟอร์ม E-Marketplace เริ่มมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม ทำให้ผู้ประกอบการหันมาพิจารณาสร้างช่องทาง Owned Channel ของตัวเอง เช่น การมีเว็บไซต์หรือ Social Commerce เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพา E-Marketplace เพราะนอกจากลดต้นทุนค่าธรรมเนียมแล้ว การใช้ระบบรับชำระเงินที่สามารถรองรับหลายช่องทางการชำระเงิน ติดตั้งง่าย สามารถช่วยให้ธุรกิจจัดการธุรกรรมได้ง่าย ปลอดภัย และเพิ่มอัตรากำไรได้มากขึ้น การสร้าง Owned Channel ยังช่วยให้แบรนด์สามารถออกแบบการตลาดและกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าเป้าหมายได้เองอีกด้วย
สรุป
ในปี 2025 การแข่งขันในตลาด E-Commerce จะเข้มข้นขึ้น ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับกระแสที่เปลี่ยนแปลง ทั้งการใช้ Social Commerce อย่างมีประสิทธิภาพ การนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย และการเลือกใช้ระบบชำระเงินที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า