บัตรเครดิตเป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารทางด้านการเงิน ซึ่งผู้ถือบัตรสามารถยืมเงินจากธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการได้ ในแต่ละเดือนผู้ถือบัตรจะได้รับใบแจ้งยอดจากธนาคารหรือบริษัทที่ออกบัตรเครดิตให้คุณ และจะแสดงรายการการซื้อสินค้าหรือบริการของผู้ถือบัตร จากนั้นจึงค่อยชำระเงินคืนตามวันที่ธนาคารหรือบริษัทผู้ออกบัตรกำหนดมาให้ ผู้ถือบัตรสามารถชำระเงินทั้งหมดในคราวเดียวหรือชำระเพียงบางส่วนและนำยอดที่เหลือไปยังเดือนถัดไป หากมียอดคงเหลือ ก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินที่เป็นหนี้ นอกเหนือไปจากที่คุณยืมมา ซึ่งดอกเบี้ยตามที่กฏหมายไทย (พ.ร.บ.ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. 2523) กำหนดคือ 18% ต่อปี
ในปี 2563 มีผู้ใช้บริการบัตรเครดิตประมาณ 1,835 พันล้านบาท หรือ 24,603,787 ใบ (อ้างอิง：ธนาคารแห่งประเทศไทย, https://www.bot.or.th/) ซึ่งในปัจจุบันก็มีแนวโน้มผู้ใช้บัตรเครดิตสูงขึ้นผ่านทางช่องทางออนไลน์
ดังนั้นในการรูดบัตร หรือใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่างๆ ผู้ถือบัตรจะต้องมีวินัยในการใช้จ่าย ซึ่งหากใช้จ่ายจนเกินตัวอาจจะก่อให้เกิดการเป็นหนี้สิน มีดอกเบี้ยที่ตามมาในภายหลังได้ อาจส่งผลกระทบกับสินเชื่อในด้านอื่นๆได้ทางเหลียนเหลียน จึงนำอยากแบ่งปัน การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกคนดังนี้
1. เลือกใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่า จำนวนบัตรเครดิตและวงเงินจะต้องไม่เกินระดับของเงินเดือน เพื่อหลีกเลี่ยงภาระหนีสิ้นจากบัตรเครดิต
2.จัดสรรการเงินให้ดี ต้องคิดก่อนใช้ทุกครั้งและจะต้องมั่นใจว่าจะชำระคืนผู้ออกบัตรได้ เพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยในการคืนเงินบัตรเครดิตจึงแนะนำให้คืนเท่ากับจำนวนที่รูดมาใช้ก่อนหน้า เพราะดอกเบี้ยเกิดจากยอดใช้จ่ายและดอกเบี้ยจากยอดคงค้าง หากผู้ถือบัตรมีความจำเป็นต้องใช้เงิน และไม่สามารถคืนจำนวนเต็มได้ ในการรูดซื้อสินค้าหรือช้อปออนไลน์แต่ละครั้งอาจจะต้องพิจารณาโปรโมชั่นในการผ่อน เช่น ผ่อน 0% เป็นระยะเวลา 10 เดือน หรือใช้แต้มบัตรเครดิตแลกซื้อสินค้าหรือบริการ หรืออาจใช้เป็นส่วนลดได้
3.ควรเตรียมเงินไว้จ่ายค่าบัตรเครดิตทุกงวด ในการรูดซื้อสินค้าหรือบริการทุกครั้งควรสำรองเงินของตนเองเก็บไว้ในอีกบัญชีเพื่อที่จะนำมาชำระค่าบัตรเครดิตในปลายเดือน
4.ควรชำระให้ตรงเวลา ทางที่ดีควรผูกบัญชีที่สามารถตัดเงินเพื่อจะชำระค่าบัตรเครดิตได้ หากชำระช้าหรือเกินกำหนดอาจทำให้เสียเครดิต และอาจทำให้เสียเครดิตในสินเชื่อที่มีความจำเป็นในด้านอื่นๆได้
